 ยังคงได้รับความสนใจและความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยลักษณะแบบกระจายศูนย์และศักยภาพการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว Bitcoin ถูกขุดไปมากกว่า 19 ล้านเหรียญ และปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin (Bitcoin Halving) ครั้งต่อไปกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งปีนับจากนี้ ซึ่งนำไปสู่คำถามให้ชวนสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว

เหลือ Bitcoin ให้ขุดอีกเท่าไหร่

ณ เดือนมิถุนายน 2023 มี Bitcoin ประมาณ 19.402 ล้านเหรียญหมุนเวียนอยู่ ซึ่งหมายความว่ามี Bitcoin เหลือให้ขุดเพียง 1.59 ล้านเหรียญเท่านั้น

 ตอนนี้ Bitcoin ถูกขุดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 37.5 เหรียญต่อชั่วโมง ซึ่งเท่ากับ 900 BTC ต่อวัน Bitcoin ไม่เคยสูญหายไปอย่างแท้จริง คำว่า “สูญหาย” ของ Bitcoin นี้หมายถึงการที่เจ้าของ 

เสียมากกว่า ซึ่งส่งผลให้ Bitcoin ของพวกเขาถูกล็อคไว้อย่างถาวร

ปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin

 เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อลดจำนวน Bitcoin ที่เข้าสู่การหมุนเวียนลงครึ่งหนึ่งทุกครั้งที่มีการขุด 

 210,000 บล็อก (ประมาณทุกๆ 4 ปี) ซึ่งหมายความว่า Bitcoin สุดท้ายจะถูกขุดภายในสิ้นปี 2078 กล่าวคือจะไม่มี Bitcoin เหลือให้ขุดอีก

มีความสับสนอยู่บ้างเกี่ยวกับวันที่ที่แน่นอนของวันที่อุปทาน Bitcoin ทั้งหมดจะถูกขุดจนหมด หากค้นหาคำตอบใน Google เป็นไปได้ว่าวันที่ของปรากฏการณ์นี้จะระบุเป็นปี 2040 แทนที่จะเป็นปี 2078 

รางวัลสำหรับการขุดเริ่มต้นที่ 50 BTC ต่อบล็อกเมื่อ Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 เมื่อปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2012 รางวัลก็ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 25 BTC ต่อบล็อก หลังจากนั้นก็ลดลงเหลือ 12.5 BTC ในเดือนกรกฎาคม 2016 และปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งครั้งล่าสุด (พฤษภาคม 2020

รางวัลบล็อกลดลงเหลือ 6.25 BTC คาดว่าปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2024 ซึ่งจะลดรางวัลบล็อก Bitcoin เหลือ 3.125 BTC ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2023 บล็อกปัจจุบันมีจำนวน 794,416 บล็อก เหลือจำนวนให้ขุดอีก 45,584 บล็อกจนกว่าจะถึงปรากฏการณ์ครั้งต่อไปที่ 840,000 บล็อก

ทำไมอุปทาน Bitcoin จึงมีจำกัด

 กำหนดไว้ในปี 2008 ว่าอุปทาน Bitcoin ทั้งหมดจะจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดสกุลเงินเสมือนจริงที่ไม่มีเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Bitcoin มีไว้สำหรับการใช้งานในการทำธุรกรรมเช่นเดียวกับเงินกระดาษ อุปทาน Bitcoin มากเกินไปในตลาดอาจทำให้เกิดความผันผวนของราคา BTC อย่างรุนแรงได้

ด้วยความคิดนี้ ผู้ประดิษฐ์จึงกำหนดอุปทานจำกัดของ Bitcoin ไว้ที่ 21 ล้านเหรียญเพื่อควบคุมอุปทานไม่ให้เกิดความผันผวนของราคา Bitcoin ในอนาคต

วิธีหนึ่งในการควบคุมกลไกนี้คือค่อยๆ ปล่อย Bitcoin ออกสู่ตลาด แทนที่จะปล่อย Bitcoin ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญในทันที ด้วยเหตุนี้ รหัส Bitcoin จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถขุด Bitcoin จำนวนคงที่ได้ในแต่ละปีจนกว่าจะถึงขีดจำกัด 21 ล้านเหรียญ

Bitcoin ใหม่จะเข้าสู่ระบบหมุนเวียนทุกครั้งที่มีการขุดบล็อกใหม่และเพิ่มลงในบล็อกเชน Bitcoin 

 ถูกตั้งโปรแกรมด้วยอัลกอริธึมทางคณิตศาสตร์ที่ยากซึ่งช่วยรักษาความเสถียรของระบบทั้งหมดโดยรักษาระยะเวลาในการหาบล็อกใหม่ถึง 10 นาที ความยากนี้จะอัปเดตเพิ่มขึ้นทุกๆ 2,016 บล็อก หรือประมาณทุกๆ สองสัปดาห์ เนื่องจากเครือข่ายจะตรวจสอบว่ากิจกรรมของนักขุดเพิ่มขึ้นหรือลดลง เครือข่ายจะปรับความยากของการขุด Bitcoin เพื่อให้เวลาการหาบล็อกแต่ละบล็อกคงไว้ที่ประมาณ 10 นาที

มี Bitcoin อยู่เท่าไหร่

ทุกวันนี้มีบล็อก Bitcoin ที่พร้อมให้ขุดน้อยลงในขณะที่วันสิ้นสุดการขุด Bitcoin ค่อยๆ ใกล้เข้ามา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า ทุก Bitcoin ที่ถูกขุดไม่ได้หมุนเวียนอยู่ในระบบปัจจุบันทั้งหมด ซึ่งจะยิ่งลดอุปทานรวมของ Bitcoin ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบไม่ว่าในขณะใดก็ตาม มีเหตุผลหลายประการที่อุปทานปัจจุบันของ Bitcoin ไม่สัมพันธ์กับจำนวน Bitcoin ที่ขุดไปแล้วทั้งหมด

หนึ่งในเหตุผลหลักคือวิธีการจัดเก็บ Bitcoin เนื่องจากเจ้าของจำเป็นต้องปกป้อง Bitcoin ของตนโดยใช้ 

 และรหัสผ่าน จึงไม่มีทางเข้าถึง Bitcoin ที่เก็บไว้ได้ หากเจ้าของเสียชีวิตโดยไม่ได้ให้ผู้อื่นเข้าถึงรหัสผ่าน Bitcoin อาจถูกทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างถาวรเนื่องจากข้อผิดพลาดอื่น ๆ ของเจ้าของ สกุลเงินดิจิทัลที่ล้ำสมัยนี้ไม่เหมือนสินทรัพย์อื่น ๆ ตรงที่แทบจะไม่สามารถเรียกคืนได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ

ตามการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้โดย The New York Times ระบุว่าเกือบ 20% ของ Bitcoin ถูกขังอยู่ใน

 โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 140 พันล้านดอลลาร์ Bitcoin เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกขังไว้แบบนั้นอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งส่งผลต่ออุปทานหมุนเวียนของ Bitcoin

ครั้งหน้าเมื่อมีคนถามคุณว่ามี Bitcoin หมุนเวียนอยู่กี่เหรียญ ให้ดูที่อุปทานหมุนเวียน ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ จำนวนดังกล่าวอยู่ที่ 

 ไม่รวม Bitcoin ที่ถูกขังอยู่ในวอลเล็ตที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

แม้ว่าจะไม่มี Bitcoin ที่ถูกขังอยู่ แต่ในทางทฤษฎีก็ไม่สามารถบรรลุขีดจำกัดอุปทาน 21 ล้านเหรียญได้เมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว ในความเป็นจริง ตัวเลขสุดท้ายจะใกล้เคียงกับขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin มาก เนื่องจากอุปทานของ Bitcoin ไม่ได้แสดงในเชิงตัวเลขที่แน่นอน ทว่ารหัส Bitcoin จะปัดเศษทศนิยมขึ้นเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด เป็นผลให้อุปทานของ Bitcoin 6.2589 เหรียญจะแสดงเป็น 6 เหรียญ

Bitcoin ถูกแบ่งออกเป็นหน่วยที่เล็กกว่าที่เรียกว่าซาโตชิ (Satoshi) หนึ่งซาโตชิประกอบด้วย 1/100 ล้านของหนึ่ง Bitcoin เนื่องจากการปัดเศษของตัวเลขและหน่วยที่เล็กกว่าเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin จะอยู่ที่ 20,999,999 เหรียญแทนที่จะเป็น 21 ล้านเหรียญ

ค่าตอบแทนในการเพิ่มอุปทานรวมของ Bitcoin

การขุด Bitcoin เป็นที่นิยมเพราะมีค่าตอบแทนอย่างมากสำหรับนักขุดที่สามารถขุด Bitcoin ได้จำนวนสูงสุดเพื่อทำกำไร แม้ว่านักขุดจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรางวัลบล็อก แต่นักขุดยังได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มบล็อกได้สำเร็จด้วย นอกเหนือจากการได้รับ Bitcoin

หลังจากปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งทั้งสามครั้งก่อนหน้านี้ ปัจจุบันนักขุดได้รับรางวัล 6.25 BTC สำหรับการยืนยันบล็อก แม้จะมีการลดจำนวนรางวัลการขุดลง แต่มูลค่าที่สูงขึ้นของ Bitcoin ก็ชดเชยผลกระทบของปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากที่ Bitcoin กลายเป็นกระแสหลักที่ได้รับความนิยม แม้คาดว่าค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม Bitcoin จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกธุรกรรม BTC ที่จำเป็นต้องชำระราคาบนบล็อกเชน เลเยอร์เพิ่มเติม เช่น 

 มีบริการโอน Bitcoin ที่ถูกและรวดเร็ว และน่าจะช่วยให้มีการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม คิดเป็นเพียง 6% ของรายได้ที่มีอยู่ของนักขุด จะเพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ชดเชยการขาดทุนจากรางวัลบล็อกของ Bitcoin ได้ ทว่ายังคงไม่เป็นคำตอบที่น่าพอใจสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลาย ๆ คนที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในอุตสาหกรรม Bitcoin พวกเขายังต้องการทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Bitcoin 21 ล้านเหรียญทั้งหมดถูกขุดจนหมด และมีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เกี่ยวกับจำนวน Bitcoin ที่จะมีในอนาคตหรือไม่

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin

ในทางทฤษฎีนั้นเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนอุปทาน Bitcoin ทั้งหมดโดยแก้ไขรหัสพื้นฐาน เนื่องจาก Bitcoin เองเป็นซอฟต์แวร์ ผู้เชี่ยวชาญจึงให้ความเห็นว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในการทำเช่นนั้นจะต้องให้นักพัฒนา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และคอมมูนิตี้โดยรวมตกลงกันที่จะแก้ไขรหัส หากมีการบรรลุข้อตกลง นักพัฒนาจะเขียนรหัสเพื่อรวมการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเข้ากับ 

เพื่อให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้อง ขั้นตอนต่อไปคือต้องแน่ใจว่าโหนดทั้งหมดบนเครือข่าย Bitcoin ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือถูกบังคับให้ยอมรับ อย่างไรก็ตาม การทำให้โหนดทั้งหมดยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากแพลตฟอร์ม Bitcoin ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบที่อยู่ได้ด้วยตัวเองเป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ในจุดนั้น นักพัฒนาจะต้องจัดการกับ 

 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงฉันทามติที่ทำให้พฤติกรรมที่ก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องกลายเป็นถูกต้อง ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบนั้น โหนดทั้งหมดจะได้รับการอัปเกรดเพื่อยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เสนอ

อีกสถานการณ์หนึ่งคือจะมีผู้ใช้ Bitcoin บางรายที่ยังคงสนับสนุนขีดจำกัดอุปทานปัจจุบัน 21 ล้านเหรียญอยู่ ในกรณีนี้ นักขุดและโหนดที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงจะยังคงใช้งานบนแพลตฟอร์ม Bitcoin ที่มีอยู่ กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะแข่งขันกับแพลตฟอร์ม Bitcoin ใหม่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด สิ่งนี้เรียกว่า 

 หรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดการโต้เถียง เนื่องจากการสร้างบล็อกเชนขึ้นใหม่โดยแยกฐานการขุดเดิม ตัวอย่างเช่น 

ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญแล้ว 

ในปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบถูกขุดจนหมด

มีนักวิเคราะห์หลายคนที่สนับสนุนการใช้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยการขาดรางวัลบล็อก เทคโนโลยีใหม่ๆ น่าจะช่วยลดต้นทุนการขุดลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้นักขุดมีกำไรมากขึ้นในที่สุด อีกทฤษฎีหนึ่งชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์ม Bitcoin จะถูกใช้สำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงมากเท่านั้น ซึ่งจะสร้างรายได้เพียงพอที่จะตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ยังมีทฤษฎีอื่นๆ อีกมากมายที่คาดเดาเกี่ยวกับ Proof of Stake (PoS) และ Mining Cartels

ต่อไปนี้เป็นภาพรวมคร่าวๆ ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว จากมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อนักขุด Bitcoin อย่างไร

นักขุดมีหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมและเพิ่มบล็อกใหม่ลงในเครือข่าย Bitcoin พวกเขาต้องแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งในปัจจุบันต้องใช้คอมพิวเตอร์ ASIC ที่มีพลังการคำนวณสูงและราคาแพงที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

เพื่อตอบแทนความพยายามและชดเชยค่าใช้จ่ายในการปกป้องเครือข่าย นักขุดจะได้รับรางวัลบล็อกและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม

ในปัจจุบัน นักขุดและบริษัทขุดส่วนใหญ่จะใช้ระบบรางวัลบล็อกของ Bitcoin เพื่อชดเชยต้นทุนการขุดและยังทำกำไรได้ แต่เนื่องจากรางวัลการขุดลดลง คาดว่าต้นทุนการขุด Bitcoin จะแซงหน้ารางวัล BTC ที่นักขุดทำได้ก่อนที่จะถึงอุปทานคงที่

อย่างไรก็ตาม หากราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นตลอดเวลา บางครั้งอาจชดเชยการลดลงของรางวัลบล็อกของ Bitcoin ได้ ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยของต้นทุนการขุด Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $17,600 จากการใช้แบบจำลองการถดถอย และนักขุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ใช้ 

 ยังคงสามารถขุดได้คุ้มทุนระหว่าง $7,700 ถึง $10,560 ขึ้นอยู่กับความยากของเครือข่ายและต้นทุนไฟฟ้า นักขุดรุ่นก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2018 ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป และเครื่องขุดจำนวนมากระหว่างปี 2019 ถึง 2020 ก็ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป

สิ่งที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้า

ในปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งต่อไปในปี 2024 ราคาคุ้มทุนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหากไม่สร้างเครื่องขุดประสิทธิภาพสูงขึ้นหรือหาแหล่งไฟฟ้าที่ถูกกว่าไม่พบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากับบรรดานักขุด หากราคา Bitcoin ไม่เพิ่มขึ้นมากพอที่จะบรรลุระดับเหล่านั้น อาจทำให้เกิด Death Spiral ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักขุดจำนวนมากหยุดการขุด เนื่องจากทำกำไรไม่ได้ ทำให้ไม่มี Hash Power (พลังในการขุด) เพียงพอที่จะขุดบล็อกให้ได้จำนวนเพียงพอเพื่อปรับความยากในการขุดใหม่ภายในสองสัปดาห์

คำถามคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าธรรมเนียมการประมวลผลธุรกรรมเมื่อขุดเหรียญทั้งหมดแล้ว ในทางทฤษฎี หากนักขุดตรวจสอบธุรกรรมจำนวนเพียงพอ ค่าธรรมเนียมที่ได้รับสามารถช่วยชดเชยรางวัลบล็อกที่หายไปได้ แต่จำนวนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจะขึ้นอยู่กับสถานะของเครือข่ายในอนาคต

หากขีดจำกัดปัจจุบันที่ 21 ล้านเหรียญไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เกิดขึ้น: ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินการที่ลดลงควรเพียงพอที่จะรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ หรือที่ตรงกันข้าม นักขุดอาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อควบคุมอุปทานและอุปสงค์ของ Bitcoin เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันและอุตสาหกรรมเหมืองเพชร

นักลงทุนรายย่อยและ HODLer

เมื่อการขุด Bitcoin ใกล้ถึงขีดจำกัด คาดว่ามูลค่าของ Bitcoin จะสูงขึ้น สมมติว่า Bitcoin ยังคงเป็นที่นิยม อุปทานที่จำกัดและมูลค่าการลงทุนจะดึงดูดให้ผู้คนใช้ Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการลงทุนที่ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์คงมูลค่ามากกว่าการใช้งานเพื่อทำธุรกรรม

กราฟราคาของ Bitcoin สนับสนุนการคาดการณ์นี้ เนื่องจากมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนรางวัลต่อบล็อกจะลดลงก็ตาม HODLer และนักลงทุนรายย่อยจะสะสม Bitcoin ในวอลเล็ตของพวกเขาแทนที่จะปล่อยมัน การกระทำเหล่านี้จะยิ่งลดอุปทานลง และรักษามูลค่าของ Bitcoin ให้สูงขึ้น

ในอนาคต เมื่อเกิดวิกฤตใหม่ขึ้น ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะพิมพ์เงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้านวิกฤต ซึ่งจะทำให้ค่าเงินลดลง ประชาชนของประเทศนั้นอาจเลือกใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงเพื่อ 

 ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์คงมูลค่า โดยไม่คำนึงถึงอุปทานของ Bitcoin ตราบใดที่อุปทานมีจำกัด

นักลงทุนสถาบัน

บริษัทจำนวนมากขึ้นมีความกระตือรือร้นที่จะทดลองใช้คริปโต Tesla, Block, Morgan Stanley และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย มีแผนระยะยาวที่จะใช้คริปโต แม้แต่ 

 หากความนิยมของคริปโตเคอเรนซียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนสถาบันที่พร้อมจะบุกเบิกตลาดก่อนใครเข้ามามากขึ้น

Philip Gradwell หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Chainalysis กล่าวว่านักลงทุนสถาบันเชื่อว่า

 เนื่องจากข้อจำกัดของการขุด Bitcoin ความหายากและราคาที่อาจเพิ่มขึ้น นักลงทุนสถาบันจะใช้สกุลเงินเสมือนจริงเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับที่ใช้โลหะมีค่าในอดีต

Bitcoin และคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะเป็นดาบสองคมสำหรับรัฐบาลทั่วโลก แม้ว่าหลายประเทศจะไม่ยอมรับ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พวกเขาก็กำลังจับตาดูผลกระทบของ Bitcoin ต่อเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกที่ยอมรับ Bitcoin ตามกฎหมาย แต่ 

แทนที่จะใช้แนวทางแบบ “เอาหรือไม่เอา” ผู้กำหนดนโยบายจะสนับสนุนด้วยแนวทางสายกลาง เช่น การอนุมัติ 

 รัฐบาลจะยอมรับ Bitcoin แต่พวกเขาจะพยายามควบคุมทุกแง่มุมของการใช้งาน แทนที่จะรอหาคำตอบว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลแต่ละประเทศ รวมทั้งของสหรัฐอเมริกา จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบของตนเองเพื่อแข่งขันกับ Bitcoin หรือที่เรียกว่า 

ด้วยความนิยมที่ยาวนานของ Bitcoin เราสามารถสรุปได้ว่า 

 Bitcoin จะยังคงดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แม้ว่า Bitcoin ทั้งหมดจะถูกขุดไปแล้วก็ตาม การที่ Bitcoin บรรลุจำนวนสูงสุดจะไม่สร้างสถานการณ์วันโลกาวินาศ เว้นแต่ Bitcoin จะสูญเสียความต้องการและความสนใจไป ระบบนิเวศของ Bitcoin มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะยังคงปรับตัวเข้ากับรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจโลก ทำให้มีแนวโน้มที่มั่นคงสำหรับอนาคตอันใกล้นี้

เริ่มต้น

2305-T4083_Bybit_Learn_-_21_Million_Bitcoin_Limit_1600x900.png

จำนวน Bitcoin จำกัด 21 ล้านเหรียญ: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว

ได้รับความนิยมมากขึ้นความสามารถในการปรับขนาดจึงกลายเป็นความท้าทายที่สําคัญด้วยผู้คนจํานวนมากที่ใช้เครือข่ายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะประมวลผลธุรกรรมในเวลาที่เหมาะสมและราคาไม่แพงโซลูชันการปรับขนาดใหม่ของ Manta Network มีศักยภาพที่จะให้นักพัฒนาเพิ่มโซลูชัน zero-knowledge (ZK) ให้กับโปรเจกต์ของตนได้อย่างง่ายดายโปรดอ่านต่อเพื่อดูว่าทํางานอย่างไรและเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้งานที่น่าตื่นเต้นทั้งหมดของ Manta Network

เป็นแพลตฟอร์มที่เทียบเท่ากับ

สําหรับการจัดการแอปพลิเคชัน zero-knowledge

โดยให้ทั้งความสามารถในการปรับขนาดและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมหลายรูปแบบผู้ใช้ของ Manta Network สามารถเข้าถึงสองบล็อกเชนแยกกันรวมถึงเครื่องมือการพัฒนา

ประวัติของ Manta Network

Manta Network เป็นโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นโดย

ซึ่งทีมนักพัฒนานี้รวมถึงผู้คนจาก Harvard, MIT และ

โดยมีภารกิจหลักคือการสํารวจแอปพลิเคชันเพื่อ

ด้วยเทคโนโลยีนี้ทีม p0xeidon labs หวังว่าจะส่งเสริมนวัตกรรม Web3 และความสามารถในการขยายขนาดของบล็อกเชน

Mantle Network ต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร

ภารกิจหลักของนักพัฒนาของ Manta Network คือการสร้างแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน ZK ที่เทียบเท่า EVM เป็นเวลาหลายปีแล้วที่หลักฐานโดยไม่ต้องมีข้อมูลเป็นหนึ่งในวิธีการชั้นนําในการปรับขนาดแอปพลิเคชันบล็อกเชนอย่างไรก็ตามหลักฐานโดยไม่ต้องมีข้อมูลนั้นไม่สามารถเข้ากันได้กับ Ethereum โดยอัตโนมัติซึ่งจะนําไปสู่ปัญหาเมื่อนักพัฒนาพยายามทํางานกับหลักฐาน ZK แต่พบว่าซอฟต์แวร์และ

บางส่วนไม่สามารถประมวลผลบนบล็อกเชนได้

Manta Network ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์ม ZK ที่เท่าเทียมกับ EVM ครั้งแรกซึ่งความเท่าเทียมกันของ EVM หมายความว่าสิ่งใดก็ตามที่พัฒนาบน Manta Network สามารถดําเนินการบน

ได้เช่นกัน (และในทางกลับกัน) ระดับความเข้ากันได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโปรเจกต์ของ Manta Network จะทํางานได้อย่างราบรื่นบน Ethereum virtual machine โดยช่วยให้นักพัฒนาใช้เครื่องมือที่มีประโยชน์มากมายในขณะที่ยังคงเพลิดเพลินกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือพื้นฐานของ Ethereum

Manta ทํางานอย่างไร

ระบบของ Manta Network อาศัยแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่าหลักฐานที่ไม่ต้องอาศัยข้อมูลซึ่งหลักฐาน ZK เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบธุรกรรมด้วยการเข้ารหัสแล้วส่งหลักฐานว่าธุรกรรมถูกต้องโดยไม่ต้องส่งข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมดทั้งนี้ Manta Network ใช้

เพื่อประมวลผลธุรกรรมและสร้างหลักฐาน ZK จากนั้นหลักฐาน ZK ทั้งหมดจะถูกรวมกันเป็นชุดและส่งไปยังเครือข่าย Ethereum เพื่อสรุปธุรกรรม

Manta Network ยังรวมฟีเจอร์แบบโมดูลาร์จาก

เพื่อแบ่งบล็อกเชนออกเป็นหลายชั้นซึ่งแต่ละเลเยอร์ทําหน้าที่เฉพาะของบล็อกเชนโดยที่เลเยอร์แบบโมดูลาร์เหล่านี้ช่วยให้ Manta Network มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการเพื่อให้สามารถจัดเก็บและให้ข้อมูลได้ดีขึ้น

กลไกที่สําคัญของ Manta Network ขั้นสุดท้ายเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และสัญญาอัจฉริยะที่รวมฟีเจอร์ทั้งหมดของ Manta Network ไว้ในระบบที่ใช้งานได้เพียงระบบเดียวด้วยระบบนิเวศที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันนี้ช่วยให้ Manta Network มีความเทียบเท่า EVM อย่างสมบูรณ์อินเทอร์เฟซยอมรับคําขอจากนักพัฒนาและผู้ใช้แล้วประมวลผลคําขอเหล่านี้ด้วยหลักฐาน Celestia และ ZK บันทึกธุรกรรมบน Ethereum จากนั้นส่งผลลัพธ์กลับไปยังแอปพลิเคชัน Web3

ฟีเจอร์ของ Manta Network

Manta Network ให้บริการที่หลากหลายแก่ผู้ใช้โดยนี่คือฟีเจอร์ที่มีประโยชน์บางส่วนที่คุณสามารถหาได้ผ่านระบบนี้

ของ Manta โดยManta Pacific นําเสนอความสามารถของ ZK ควบคู่ไปกับค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมต่ำนอกจากนี้ Manta Pacific ยังมี Universal Circuits 2.0 ซึ่งเป็นไลบรารีสำหรับนักพัฒนาที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเพิ่มสัญญา ZK 

ได้ง่ายขึ้นนอกเหนือจาก Universal Circuits 2.0 แล้ว Manta Pacific ยังมอบเครื่องมือนักพัฒนาอื่นๆเช่นการยืนยัน know-your-customer (

) โดยซอฟต์แวร์นี้ทําให้ง่ายสําหรับผู้คนที่จะปรับใช้โปรเจกต์ Ethereum แม้ว่าจะไม่มีความรู้ด้านการเข้ารหัสขั้นสูงก็ตาม

Manta Atlantic เป็นเครือข่าย

ที่โฮสต์โครงการอื่นๆของระบบนิเวศ Manta Network ส่วนใหญ่ด้วย Manta Atlantic ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้าง NFT ที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลเปิดตัวโครงการ Stake และมิ้นท์เหรียญ Manta Atlantic นั้นโมดูลาร์เต็มรูปแบบและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายแม้ว่า Manta Atlantic ไม่ได้เป็นเชิงทดลองแบบ Manta Pacific แต่เป็นวิธีที่เชื่อถือได้และมั่นคงในการสํารวจโซลูชันปรับขนาดบางอย่างที่ Manta Network นําเสนอ

Manta Network นําเสนออีเวนต์การสร้างชุมชนที่หลากหลายโดย Manta Fest มอบโอกาสให้ผู้ใช้ได้พบปะกันและรับรางวัลพิเศษซึ่งฟีเจอร์บางอย่างของการเฉลิมฉลองเป็นเวลาห้าสัปดาห์นี้รวมถึงมิ้นท์ NFT สุดพิเศษและคะแนนรางวัลสําหรับผู้ใช้ Manta Pacific

Manta Ecosystem Grants Program เป็นอีกวิธีหนึ่งในการส่งเสริมแอปพลิเคชัน ZK โดยนักพัฒนาสามารถใช้เพื่อ

ที่จะช่วยให้พวกเขาทําโปรเจกต์ให้สําเร็จผู้สมัครขอรับเงินทุนมีแนวโน้มที่จะประสบความสําเร็จมากกว่าหากสามารถแสดงโปรเจกต์ของตนที่จะช่วยขยายระบบนิเวศ Manta Network หรือความเป็นส่วนตัวแบบกระจายศูนย์ล่วงหน้า

แผนการดำเนินงานของ Manta Network

ตลอดปี 2023 Manta Network มุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวเมนเน็ตสําหรับ Manta Pacific โดยตอนนี้ Manta ได้เปิดตัวเครือข่ายพื้นฐานต่อสาธารณะเรียบร้อยแล้วและหวังว่าจะเริ่มใช้ฟีเจอร์อื่นๆทั้งหมดที่ Manta Network ได้กล่าวถึง

รวมถึงสามระยะการเปิดตัวเพิ่มเติม: โดยมีแผนในการรวมความพร้อมใช้งานของข้อมูลแบบโมดูลาร์มากขึ้นเปลี่ยนเป็น

อย่างสมบูรณ์บนระบบนิเวศ Manta Pacific และอัปเกรดระบบสัญญาอัจฉริยะเพื่อรองรับสาธารณูปโภคที่เปิดใช้งาน ZK มากขึ้นท้ายที่สุดนี้เป้าหมายคือการเพิ่มปริมาณของความเป็นโมดูลาร์และการกระจายศูนย์ที่ Manta Pacific นําเสนอในขณะที่ลดต้นทุนแก๊สและระยะเวลาในการทําธุรกรรมนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะค้นหาวิธีใหม่ในการรวมเทคโนโลยี ZK เข้ากับระบบของ Manta Network

เศรษฐศาสตร์ของโทเค็น MANTA

เพื่อช่วยในการรันระบบ Manta Network เพิ่งเปิดตัวโทเค็น MANTA โดยโทเค็นนี้ช่วยให้รางวัลแก่สมาชิกในชุมชนและดําเนินการชําระเงินจากนักพัฒนาที่ใช้ฟีเจอร์ Manta Network โดยเป็นโทเค็น

ที่สามารถ Stake, ถือเป็นหลักประกัน, หรือใช้เพื่อโหวตในการตัดสินใจบน Manta Network

โทเค็นและอัตราการมิ้นท์รายปีที่ 2% โดยแจกจ่ายในลักษณะดังต่อไปนี้:

การคาดการณ์ราคา MANTA

MANTA เพิ่งเปิดตัวในเดือนมกราคม 2024 ดังนั้นจึงยังไม่มีประวัติราคามากมายสําหรับการวิเคราะห์โดยราคาส่วนใหญ่เคลื่อนที่กลับไปกลับมาระหว่าง 2.10 ดอลลาร์สหรัฐถึง 2.40 ดอลลาร์สหรัฐก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดตลอดกาลที่ 3.30 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 25 มกราคม 2024 มูลค่าตลาดล่าสุดของ Manta Network คือ 813 ล้านดอลลาร์สหรัฐและปริมาณการเทรด 24 ชั่วโมงเท่ากับ 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญของ DigitalCoinPrice ราคาของ MANTA 

ภายในสิ้นปี 2024 และ 23.80 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ซึ่งความมั่นใจเชิงบวกนี้อย่างน้อยบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากนักวิเคราะห์ที่ CoinCodex ซึ่ง

ในปี 2025 และ 10.54 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2030

ซื้อ MANTA ได้ที่ไหน

กําลังมองหาวิธีเทรดโทเค็น MANTA อยู่ใช่ไหมตอนนี้ Bybit เสนอคู่เทรดสปอต MANTA/USDT ในการเริ่มต้นคุณจะต้อง

เติมบัญชีด้วยคริปโตเคอเรนซีและไปที่หน้าการ

เพื่อเฉลิมฉลองการลิสต์นี้ Bybit กําลังจัด

ที่คุณสามารถรับส่วนแบ่งจาก 130,000 MANTA และรางวัลรวม 10,000 USDT

ซึ่ผู้ใช้ใหม่ 5,333 คนแรกที่ทําตามขั้นตอนสองขั้นตอนต่อไปนี้ระหว่างวันที่ 18 ม.ค. 2567 เวลา 17.00 น. ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2567 เวลา 15.59 น. จะได้รับคนละ 7.5 MANTA:

หากคุณเป็นผู้ใช้ Bybit อยู่แล้ว (ก่อนวันที่ 18 ม.ค. 67 เวลา 17.00 น.) ก็ไม่ต้องกังวลเพราะคุณยังสามารถรับ 2.5 MANTA ได้! เพียงสะสมปริมาณการฝากอย่างน้อย 50 MANTA หรือฝาก 100 USDT และซื้อ MANTA อย่างน้อย 100 USDT โดยใช้บัญชี Bybit โปรดทราบว่ารางวัลจะถูกแจกจ่ายตามลำดับก่อนหลังให้กับผู้ใช้ปัจจุบัน 4,000 คนแรก

อีเวนต์ที่สองTrade to Earn 

จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 17.00 น. ถึง 31 มกราคม 2567 เวลา 15.59 น. เพียงเทรด MANTA และสะสมปริมาณการเทรดสปอตอย่างน้อย 200 USDT ในช่วงเวลาอีเวนต์เพื่อรับส่วนแบ่งจากรางวัลรวม

โปรดทราบว่าอันดับของคุณจะถูกกําหนดตามปริมาณการเทรดของคุณหากคุณมีอันดับสูงคุณจะได้รับรางวัลมากขึ้นเป็นการตอบแทน

อีเวนต์ที่สาม MANTA Lucky Draw 

จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 17.00 น. ถึง 25 มกราคม 2567 เวลา 16.59 น. 

อีเวนต์ที่สี่ MANTA xReferral Boost

คุณต้องเชิญเพื่อนให้ลงทะเบียนบัญชี Bybit ด้วยรหัสแนะนําของคุณและดําเนินการทั้งสองขั้นตอนข้างต้นสําหรับผู้ใช้ใหม่ใน

โดยคุณจะได้รับ 1 MANTA สําหรับการแนะนําที่ประสบความสําเร็จทุกครั้ง

MANTA เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่

MANTA ได้มีเหตุขัดข้องนับตั้งแต่เปิดตัวโดยนักลงทุนเริ่มเรียก MANTA ว่าโปรเจกต์ที่น่าตื่นเต้นซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโทเค็นที่มีค่ามากอย่างไรก็ตาม Manta Network ยังไม่สามารถมีผลการดำเนินงานที่ดีเมื่อเร็วๆนี้เนื่องจากล้มเหลวในการปราบปราม

บางอย่างส่งผลให้สูญเสียความเชื่อมั่นของสาธารณะอย่างมากเนื่องจากลักษณะที่ผันผวนของคริปโตเคอเรนซีจึงเป็นสิ่งสําคัญที่คุณต้องระมัดระวังและ

 MANTA อย่างละเอียดก่อนที่จะซื้อโทเค็นใดๆ

แนวคิดของ Manta Network ในการรวมเทคโนโลยี ZK และความเท่าเทียมกันของ EVM ได้ดึงดูดแฟนๆจํานวนมากระบบนิเวศของ Manta Network มีศักยภาพที่จะให้นักพัฒนามีวิธีที่สะดวกเป็นพิเศษในการปรับขนาดโปรเจกต์ของตนอย่างไรก็ตามด้วยการเปิดตัวโทเค็นที่พบกับหายนะและเทคโนโลยีที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ MANTA กําลังดิ้นรนที่จะได้รับความนิยมซึ่งเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าโทเค็นนี้กลายเป็นการลงทุนยอดนิยมหรือไม่

ปานกลาง

JAN24_R33_Manta_Network_(MANTA)_A_Multi-Modular_Ecosystem_for_ZK_Apps.png

Manta Network (MANTA): ระบบนิเวศหลากหลายแบบสําหรับแอป ZK

ภูมิทัศน์ของชีวิตประจําวันของเราได้รับการปรับโฉมอย่างมีนัยสําคัญโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่การพัฒนาแพลตฟอร์มที่ก้าวล้ำเช่น

ของ OpenAI ซึ่งผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงนี้ได้ขยายการเข้าถึงโดเมนของการ

ซึ่งนําเสนอกลยุทธ์และเครื่องมือการตัดสินใจสําหรับการเทรดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ Bybit TradeGPT เป็นตัวอย่างของแนวโน้มนี้โดยให้แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI แก่นักลงทุนคริปโตที่ช่วยยกระดับประสบการณ์และประสิทธิภาพการเทรดของนักลงทุนทั้งนี้ในบทความนี้เราจะเจาะลึกว่า Bybit TradeGPT ช่วยให้ผู้ใช้มีความเข้าใจและสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ดีขึ้นได้อย่างไร

เป็นแพลตฟอร์มขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติการเทรดคริปโตเคอเรนซีโดยการนําเสนอกลยุทธ์การเทรดและข้อมูลเชิงลึกที่อัตโนมัติและชาญฉลาดโดยเครื่องมือนี้ผสานรวมปัญญาประดิษฐ์เข้ากับระบบการเทรดของ Bybit ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้มีผู้ช่วยการเทรดส่วนบุคคลที่ซับซ้อนแต่ใช้งานง่าย

Bybit TradeGPT ทํางานอย่างไร

Bybit TradeGPT ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตลาดแนวโน้มและรูปแบบการเทรดในอดีตอย่างพิถีพิถันทั้งนี้ TradeGPT สร้างขึ้นบน ChatGPT โมเดลภาษา AI ที่แข็งแกร่งโดยผสานรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม Bybit ได้อย่างราบรื่นนําเสนอข้อมูลการเทรดที่หลากหลายซึ่งรวมถึงปริมาณตลาดอัตราส่วน Long และ Short ดัชนีความเชื่อมั่นและอื่นๆอีกมากมาย

Bybit TradeGPT ใช้อัลกอริธึมแมชชีนเลิร์นนิ่งขั้นสูงเพื่อคาดการณ์แนวโน้มตลาดและระบุโอกาสในการเทรดที่อาจเกิดขึ้นโดย Bybit TradeGPT แตกต่างจากแพลตฟอร์มทั่วไปตรงที่เรียนรู้และปรับให้เข้ากับสภาวะตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์การเทรดที่นําเสนอนั้นเป็นปัจจุบันและมีความเกี่ยวข้องโดยผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากคําแนะนําการเทรดส่วนบุคคลซึ่งสอดคล้องกับประวัติการเทรดและความชอบส่วนบุคคล

ฟีเจอร์ของ Bybit TradeGPT

สรุปข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดอัตโนมัติ: 

ทันทีที่คุณเข้าถึง Bybit TradeGPT เครื่องมือนี้ก็จะนําเสนอสรุปการวิเคราะห์ตลาดแบบนาทีต่อนาทีโดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่านักเทรดจะได้รับแนวโน้มตลาดล่าสุดเสมอซึ่งเป็นสิ่งสําคัญในการตัดสินใจเทรดอย่างทันท่วงทีและมีข้อมูลครบถ้วน

บทสรุปนี้ครอบคลุมแง่มุมของตลาดที่หลากหลายรวมถึงการเคลื่อนไหวของราคา

และแนวโน้มที่สําคัญให้มุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดปัจจุบัน

การวิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค:

Bybit TradeGPT ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ

ที่หลากหลายเช่น KDJ, 

 (moving average convergence divergence) และ

® ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์คู่เทรดที่ต้องการผ่านตัวกรองหลายตัวได้

 TradeGPT รับรองความถูกต้องของการวิเคราะห์ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักเทรดสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่แตกต่างกันตามข้อมูลในอดีตซึ่งนําไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ให้ข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น

ข้อมูลถาม-ตอบอัจฉริยะพร้อมคําถามที่แนะนํา

ฟีเจอร์ถาม-ตอบอัจฉริยะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้นโดยการมอบคําถามที่ทางระบบแนะนําวิธีการนี้ช่วยให้นักเทรดค้นหาคําตอบสําหรับคําถามทั่วไปได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องไปใช้งานเมนูที่ซับซ้อน

เมื่อคลิกที่คําถามที่แนะนําเหล่านี้ผู้ใช้จะได้รับคําตอบอยางทันทีและตรงประเด็นทําให้กระบวนการรวบรวมข้อมูลมีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา

คําถามที่กําหนดเองได้

นักเทรดสามารถถามคําถามเฉพาะเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีต่างๆตั้งแต่การคาดการณ์ราคาไปจนถึงแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์การลงทุน Bybit TradeGPT ตอบสนองด้วยการวิเคราะห์โดยละเอียดที่ปรับให้เหมาะกับคําถามแต่ละข้อเหล่านี้

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักเทรดได้รับข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์และกลยุทธ์การเทรดของตนโดยเพิ่มความเกี่ยวข้องและการนําไปใช้ของข้อมูลที่ให้ไว้

ประโยชน์ของการใช้ Bybit TradeGPT

มีประโยชน์มากมายในการใช้ Bybit TradeGPT รวมถึงการเทรดที่ง่ายขึ้นด้วยคําแนะนําในคลิกเดียวการวิเคราะห์ตลาดที่ครอบคลุมด้วยชุดข้อมูลที่เพิ่มเติมและ AI ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อการตอบสนองที่ง่ายและแม่นยําโดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ทําให้ Bybit TradeGPT แตกต่างจากบอท AI อื่นๆในตลาดในขณะนี้

เทรดได้ง่ายขึ้นด้วยคําแนะนําในคลิกเดียว

Bybit TradeGPT ปฏิวัติประสบการณ์การเทรดโดยไม่จําเป็นต้องปรับพารามิเตอร์ด้วยตนเองโดยพิจารณา

และโทเค็นที่ผู้ใช้เลือกอย่างชาญฉลาดเพื่อแนะนําทิศทางและเวลาการเทรดที่มีโอกาสมากที่สุดสําหรับผู้ที่สนใจในกลยุทธ์ของ AI การดําเนินการตามคําสั่ง

หรือการตั้งค่า

ก็จะทําได้เพียงคลิกเดียวโดยคําแนะนําเหล่านี้จะได้รับการอัปเดตทุกสองชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่านักเทรดสามารถเข้าถึงคําแนะนําที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลล่าสุด

การวิเคราะห์ตลาดที่ครอบคลุมด้วยชุดข้อมูลเพิ่มเติม

แพลตฟอร์ม Bybit TradeGPT มีตัวชี้วัดข้อมูลที่หลากหลายที่ให้มุมมองที่ครอบคลุมของสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซี

ซึ่งความแตกต่างที่สําคัญระหว่าง Bybit TradeGPT และบอท AI อื่นๆเช่น ChatGPT มาตรฐานคือการเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์แม้ว่าบอท AI ทั่วไปอาจขาดความสามารถในการนําเสนอข้อมูลเชิงลึกตามแนวโน้มตลาดล่าสุดเนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่างจํากัดแต่ TradeGPT กลับโดดเด่นโดยได้ผสานรวมกับข้อมูลตลาดการวิเคราะห์การเทรดและเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครอบคลุมของ Bybit ซึ่งการทํางานร่วมกันระหว่างความสามารถของ AI และโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่ซับซ้อนของ Bybit ช่วยให้ TradeGPT สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกของตลาดที่เกี่ยวข้องและทันเวลาซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สําคัญในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของการเทรดคริปโตเคอเรนซี

นอกจากนี้ความสามารถของ Bybit TradeGPT ในการนําเสนอการวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์และตอบคําถามของผู้ใช้ในหลายภาษาไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือเท่านั้นแต่ยังเป็นผู้ให้คําปรึกษาและคู่มือในภูมิทัศน์ที่กว้างขวางและซับซ้อนของ

ซึ่งสามารถมอบกลยุทธ์ในตลาดด้วยเปอร์เซ็นต์ที่คํานวณได้และแนะนําผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสําหรับกลยุทธ์ที่กล่าวถึงโดยคําแนะนําโดยละเอียดและเป็นส่วนตัวในระดับนี้เป็นขั้นตอนที่เหนือกว่าบอท AI ทั่วไปที่จะนำเสนอได้ด้วยความลึกของข้อมูลที่นําเสนอจะช่วยให้นักเทรดมีความเข้าใจรอบด้านเกี่ยวกับสินทรัพย์คริปโตช่วยในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลมากขึ้น

AI ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อการตอบสนองที่ง่ายดายและแม่นยํา

ความสามารถด้าน AI ของ Bybit TradeGPT ได้รับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมากโดยระบบได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับคําถามของผู้ใช้หลายหมื่นข้อซึ่งนําไปสู่การปรับปรุงความเข้าใจและการตอบสนองต่อคําถามของผู้ใช้ซึ่งการฝึกอบรมนี้ส่งผลให้เกิดการตอบสนองที่ไม่เพียงแต่ถูกต้องมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่คล้ายกับมนุษย์เกี่ยวกับความต้องการของผู้ใช้อีกด้วยการโต้ตอบด้วย AI ที่ใช้งานง่ายนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคําตอบที่ให้ไว้ไม่ได้แค่มีประสิทธิภาพเท่านั้นแต่ยังสะท้อนกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นทําให้ประสบการณ์การเทรดราบรื่นและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น

Bybit TradeGPT นําเสนอการผสมผสานระหว่างการโต้ตอบที่เรียบง่ายลุ่มลึกและใช้งานง่ายทําให้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสําหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์ในตลาดคริปโตเคอเรนซีและสร้างความแตกต่างจากบอท AI อื่นๆ

หากต้องการใช้ Bybit TradeGPT ผู้ใช้ต้อง

เมื่อลงทะเบียนแล้วก็จะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ TradeGPT และเริ่มรับข้อมูลเชิงลึกการเทรดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าการเทรดของตนได้เพื่อให้ AI สามารถปรับเปลี่ยนคําแนะนําเราขอแนะนําให้คุณเริ่มต้นด้วยการเทรดที่เล็กเพื่อทําความเข้าใจว่าคําแนะนํา AI สอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรดส่วนบุคคลอย่างไร

หากต้องการเริ่มต้นด้วย Bybit TradeGPT หลังจากที่คุณ

เพียงเลื่อนเคอร์เซอร์ของคุณไปเหนือแท็บ

บนแถบนําทางที่ด้านบนของหน้าจากนั้นคลิกที่

หากคุณต้องการเข้าถึง Bybit TradeGPT จากแอป Bybit ของคุณเพียงแตะที่

ในหน้าแรกของ Bybit และเลือก

คือ Bybit TradeGPT Master Trader ซึ่งเป็นการรวมกลยุทธ์การเทรดที่ขับเคลื่อนโดย AI กับการ

เข้าด้วยกันซึ่งเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมนี้ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การเทรดของคุณโดยนําเสนอการผสมผสานของกลยุทธ์การลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลด้วย

โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงเบต้าสาธารณะซึ่งผู้ใช้ 500 คนแรกใน Waitlist สามารถเข้าถึงได้ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสําคัญในการรวม TradeGPT เข้ากับการก๊อปปี้เทรดของ Bybit

ต่อไปนี้เป็นฟีเจอร์ต่างๆที่สําคัญของ TradeGPT Master Trader:

นอกจากนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ลองใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ Bybit กําลังเสนอความคุ้มครองสูงสุด 20 USDT สําหรับการขาดทุนในคําสั่งก๊อปปี้แรกที่เริ่มต้นโดย TradeGPT ในการก๊อปปี้เทรดซึ่งความคุ้มครองนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นจุดเข้าที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสําหรับผู้ใช้ที่สํารวจเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมนี้

คุณควรใช้ Bybit TradeGPT หรือไม่

การตัดสินใจใช้ Bybit TradeGPT จําเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับฟีเจอร์ขั้นสูงเทียบกับความเสี่ยงโดยธรรมชาติของเครื่องมือการเทรดที่ใช้ AI ซึ่งในขณะที่ Bybit TradeGPT ขับเคลื่อนด้วยโมเดล GPT-3.5 ที่ซับซ้อนนําเสนอฟังก์ชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถในการเทรดแต่สิ่งสําคัญคือต้องตระหนักถึงข้อจํากัดควบคู่ไปกับความรับผิดชอบของผู้ใช้

ประการแรกคําตอบจาก TradeGPT ไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการโดย Bybit ซึ่งหมายความว่าคําแนะนําการลงทุนไม่ควรถือเป็นจุดยืนอย่างเป็นทางการของ Bybit นอกจากนี้ยังไม่มีการรับประกันผลกําไรกับ TradeGPT เนื่องจากลักษณะที่ผันผวนของตลาดคริปโตสามารถทำให้แม้แต่การคาดการณ์ของ AI ที่ทันสมัยที่สุดมีความไม่แน่นอนเราอยาก

ถึงการเทรดอย่างมีความรับผิดชอบและผู้ใช้ควรใช้เครื่องมือ

ของ Bybit เพื่อลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพอีกทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นเป็นสิ่งสําคัญที่สุดเมื่อใช้แพลตฟอร์ม

แม้จะต้องคำนึงพิจารณาเหล่านี้แต่ Bybit TradeGPT ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสําหรับนักเทรดที่ต้องการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับกลยุทธ์ของตนเพราะความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และข้อมูลเชิงลึกของตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ควบคู่ไปกับการผสานรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการเทรดของ Bybit สามารถมอบข้อได้เปรียบที่สําคัญในโลกที่ซับซ้อนของการเทรดคริปโตเคอเรนซี

การวิเคราะห์ตลาดที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องมือความช่วยเหลือในการเทรดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายเช่นคําแนะนําแบบคลิกเดียวและการสอบถามที่ปรับแต่งได้ทําให้เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับผู้ที่ยังใหม่กับการเทรดคริปโต

โดยสรุปแล้วแม้ว่าเป็นสิ่งสําคัญที่จะต้องเข้าถึง Bybit TradeGPT ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและใช้เครื่องมืออย่างมีความรับผิดชอบแต่ขีดความสามารถด้าน AI ขั้นสูงและการผสานรวมอย่างราบรื่นกับแพลตฟอร์มของ Bybit ได้วางตําแหน่งเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสําหรับนักเทรดคริปโตทุกคนโดยเหมาะสมที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดที่สมดุลและรอบคอบ

Bybit TradeGPT แสดงถึงความก้าวหน้าที่สําคัญในการรวม AI เข้ากับการเทรดคริปโตเคอเรนซีโดยนําเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของข่าวกรองอัตโนมัติและฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายทําให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงกลยุทธ์การเทรดขั้นสูงได้อย่างกว้างขวางแม้ว่าจะมาพร้อมกับความเสี่ยงแต่ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นทําให้เป็นเครื่องมือที่น่าลองสําหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก AI ในการเทรดคริปโต

NOV23_R40_Evergreen_Educational_Bybit_TradeGPT_AI-Enhanced_Strategies_for_Crypto_Trading.png

Bybit TradeGPT: กลยุทธ์ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วย AI สําหรับการเทรดคริปโต

เครือข่ายบล็อกเชนได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาความปลอดภัยและเป็นฉนวนอย่างเข้มงวดจากการโจมตีภายนอกดังนั้นเครือข่ายบล็อกเชนจึงมักเผชิญกับความท้าทายในการอํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามเชนบล็อกเชนยุคแรกๆเช่น

 (POL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ความสําคัญกับการดําเนินงานที่ปลอดภัยและการโอนสินทรัพย์ภายในสภาพแวดล้อมการดําเนินงานด้วยเหตุนี้การส่งสินทรัพย์หรือการดําเนินการสัญญาอัจฉริยะข้ามบล็อกเชนจึงไม่ใช่กิจกรรมที่ง่ายดายนัก

ช่วยอํานวยความสะดวกในการโอนสินทรัพย์ข้ามเชนแต่มักจะเกี่ยวข้องกับ

คำสั่ง Limit กับคำสั่ง Stop: แตกต่างกันอย่างไร?